วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมโพรงแสม



ส่วนผสม
แป้งสาลี 1 ถ้วย
เนย 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่แดง 1 ฟอง
น้ำตาลปึก 1 ถ้วย
กะทิเคี่ยวจนเป็นขี้โล้ 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอด 1 ขวดเล็ก
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำดอกมะลิ 2 ช้อนโต๊ะ
ไม้ไผ่ยาว 5, 4, 3, นิ้วอย่างละ 2 อัน

วิธีทำ
1.ผสมแป้งสาลี เนย ไข่แดง เกลือป่น เข้าด้วยกันใส่ภาชนะ
2.ถ้ายังไม่นุ่มมือ จึงใส่น้ำ แบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ๆ 3-4 ก้อน
3.คลึงแป้งให้หนาประมาณ 1/8 นิ้ว แล้วจึงพันไปรอบไม้ไผ่ (ต้องเหลือปลายไม้ไผ่ข้างละ 1 นิ้ว) ปิดรอยต่อให้เรียบ ตัดแป้งหัว-ท้าย ให้เรียบเสสสมอกัน
4.ทอดไฟอ่อน ให้ขนมมีสีเหลืองนวล ยกขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ทำเช่นนี้จนหมด

วิธีทำน้ำตาล
น้ำตาลปีป 1 ถ้วย ผสมน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้เป็นยางมะตูม หรือสังเกตดูน้ำตาล มีพรายน้ำเล็ก ๆ ทั่วกัน ยกกระทะลง ใช้ช้อนชาเล็ก ๆ ตักน้ำตาลหยอดลงบนขนมที่ทำเสร็จแล้วให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ให้สวยงาม

ลักษณะน้ำตาลที่ดี
คือหยอดแล้วต้องแห้งทันที ขนมจะกรอบเก็บไว้ได้นาน

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมสามเกลอ



ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
2.ถั่วทองเลาะเปลือกคั่วให้สุกบดหยาบ ๆ 1/2 ถ้วย
3.น้ำตาลปึก 1 ถ้วย
4.มะพร้าวทึนทึกขูดด้วยกระต่ายจีน 1 1/2 ถ้วย
5.น้ำ 5-8 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.นำมะพร้าวผสมกับน้ำตาลปึก แล้วกวนในกระทะทองด้วยไฟกลาง
2.พอเริ่มจับตัวกันจะเหนียวจึงใส่ถั่วที่คั่วแล้วลงไปกวนต่อไปจนเหนียวปั้นได้ นำมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ พักไว้
3.นำแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำปั้นได้แล้วแผ่หุ้มไส้มะพร้าวไว้ทุกลูก
4.นำขนม 3 ลูก มาบีบให้ติดกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เอาไม้เสียบให้ติดกันเป็นชุด (แบบเดียวกับขนมกง) แล้วนำไปชุบแป้งทอดอย่างขนมกง แป้งที่ใช้ชุบก็ใช้เช่นเดียวกัน
วิธีทำฝาชี
ทำเช่นกับขมมกง แต่ปักไม้ 3 อันให้เป็นรูปสามเหลี่ยม มัดปลายไม้ให้แน่น แล้วใช้ไข่สีต่าง ๆ หุ้ม

ขนมพระพาย



ส่วนผสม :
1.แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
2.น้ำคั้นใบเตย
3.ถั่วเขียวเราะเปลือก 1 ถ้วย
4.กะทิ 1/2 ถ้วย
5.น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
6.เกลือนิดหน่อย
7.กะทิ 1/2 ถ้วย
8.แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ :
1.เริ่มจากต้มถั่วให้สุก แล้วกวนกับกะทิและน้ำตาลจนถั่วมีลักษณะแห้ง พักไว้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ
2.ผสมแป้งกับน้ำคั้นใบเตย โดยค่อยๆใส่น้ำทีละนิด จนแป้งรวมตัวกันดี แต่ไม่แฉะ นวดจนกระทั่งแป้งเนียนนุ่ม
3.หยิบแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมซักประมาณ 1 นิ้ว แล้วแผ่แป้งออก นำไส้ถั่วที่กวนไว้ ใส่ตรงกลาง หุ้มไส้ให้มิดแล้วคลึงให้กลม
4.ต้มน้ำให้เดือด ใส่แป้งที่ทำไว้ลงนึ่ง
5.ต้มกะทิใส่เกลือนิดหน่อย ต้มพอแตกมันเล็กน้อย ชิมดู รสหวานตามชอบ ใส่แป้งลงในกะทิ ก่อนเสิร์ฟราดหน้าขนมด้วยกะทิเล็กน้อย

ขนมม้าฮ่อ


ส่วนผสม
1.น้ำมันพืช
2.รากผักชี, กระเทียม, พริกไทยโขลกละเอียด
3.น้ำปลาอย่างดี
4.กุ้งแห้งป่น
5.หอมแดงซอย
6.ถั่วลิสงคั่วให้หอมบุกพอแตก
7.น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลตะโหนด
8.เนื้อหมูสับละเอียด
9.พริกแดงหั่นฝอย
10.ผักชี

วิธีทำ
1.หมักหมูสับกับน้ำปลาและน้ำตาลทิ้งไว้อย่างน้อย1/2ชั่วโมง
2.น้ำมันร้อนน้ำรากผักชีกระเทียมพริกไทยลงผัดให้หอม
3.จากนั้นเอาหมูที่หมักแล้วตามข้อ1ลงผัดจนสุกทั่วกัน
4.เติมกุ้งแห้งถั่วลิสงเติมน้ำเล็กน้อยผัดให้เข้ากันชิมรส
ให้ออกเค็มนำหวานตามรสไม่ต้องจัดมาก
5.ผัดต่อจนเครื่องเหนียวดียกลง
6.ตักเครื่อง(เมื่อเย็นแล้ว)ให้เป็นก้อนเท่านิ้วโป้งมือเรา
ไปวางบนผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ชมพู่ ,สัปรส,แตงไทย,
ส้มโอ,เงาะ,ลิ้นจี่เป็นต้น แล้วแต่งหน้าด้วยผักชี และพริก
แดงแบ่งเป็นคำๆจัดใส่จาน

หมายเหตุ
หากต้องการให้เครื่องเกาะกันดี ให้ใส่น้ำตาลแปะแซ ในขั้นตอนที่5
ก่อนยกลงแล้วผัดให้เข้ากัน จะทำให้เครื่องจับกันเป็นก้องเงาสวย
แต่อย่าใส่มากเกินไปจะแข็งและเหนี่ยว...

ขนมเกสรชมพู่


ส่วนผสม
1.น้ำลอยดอกมะลิ
2.วุ้น
3.น้ำตาลทราย
4.มะพร้าวขูดฝอย
5.สีผสมอาหารสีชมพู
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทั้งหมด ใส่กระทะทองแดง แล้วกวนให้เข้ากันจนเริ่มเหนียวเล็กน้อย
2. กวนเข้ากันได้ที่แล้ว ยกลงจากเตา จะปั้นเป็นรูปวงรียาวประมาณ 4 นิ้วหัวท้ายแหลม หรือใส่ถ้วยตะไลเล็กๆก็ได้ และหน้าจะไม่เรียบไม่ต้องไปปาด ให้เห็นเป็นฝอยๆของมะพร้าวค่ะ
ทำง่ายๆนะค่ะลองทำ

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมตะลุ่ม



ตะลุ่ม มี สองส่วน คือส่วนตัวขนม ทำแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใส และหางกะทิ นำไปนึ่งจนสุก ส่วนของตัวหน้า ได้แก่ หัวกะทิ ไข่ และน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทลงบนตัวที่สุกแล้ว นำไปนึ่ง เวลาเสิร์ฟตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำหรือลักษณะตามชอบ เวลาจะรับประทานควรรับประทานพร้อมกันเพราะให้รสชาติที่หวาน มัน และมีกลิ่นหอมของกะทิยามรับประทานในคำเดียวกัน
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้าแห้งร่อน 2 ถ้วย
แป้งท้าวบดละเอียดร่อน 6 ช้อนโต๊ะ
แป้งมันร่อน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ
หางกะทิ 1 ถ้วย
น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
ส่วนผสมหน้า
มะพร้าวขาวคั้นด้วย
น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ 3 ฟอง
น้ำตาลปีบ
วิธีทำ
1.ผสมแป้งทั้ง3ชนิดด้วยกัน
2.นวดแป้งกับหางกะทิ น้ำปูนใส โดยใส่ทีละน้อย นวดไป10นาที แล้วใส่น้ำที่เหลือให้หมดกรองให้สะอาด
3.เอาน้ำใส่รังถึงตั้งไฟ ใส่ถ้วยตะไล หรือจะพิมพ์แบบตะลุ่มก็ได้
4.หยอดขนมลงในพิมพ์ประมาณ1/2พิมพ์หรือน้อยกว่านั้น นึ่งประมาณ5นาที(ต้องสังเกตดูพิมพ์เล็ก-ใหญ่ด้วย แต่นึ่งอย่าให้สุกมากเพราะจะหยอดหน้าลงไปอีก หน้าจะไม่ติดกัน)
5.ผสมหน้าสังขยาโยผสมไข่ น้ำตาล หัวกะทิเข้าด้วยกันแล้วกรอง(อย่าขยำหน้าจะไม่เรียบ)
6.ตักหน้าสังขยาหยอดบนขนมให้เต็มพิมพ์นึ่งต่อไปจนสุกประมาณ5-10นาที(ทั้งนี้ต้องดูขนาดพิมพ์อีกที)
ขนมนี้เมื่อสุกแล้วจะเป็น2ชั้นๆล่างเป็นแป้งประมาณ1/4พิมพ์ชั้นเป็นสังขยาประมาณ3/4พิมพ์หรือจะให้1/2:1/2ก็ได้ แต่หน้าและตัวขนมต้องติดกัน

ขนมเทียนแก้ว


ส่วนผสม
แป้งถั่วเขียว 100 กรัม
ถั่วกวน 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิสด 6 ถ้วยตวง
ใบตองอ่อน 2 กิโลกรัม
วิธีทำ
1.เตรียมใบตองสำหรับห่อ เช็ดใบตองให้สะอาด ตัดวงกลมกว้าง 4-5 นิ้ว แล้วแต่ชอบให้ลูกใหญ่หรือลูกเล็กตามต้องการ
2.วางใบตองซ้อนกันให้ขวางทางกัน แล้วพับทบเข้าหากันเป็นครึ่งวงกลม แล้วทำรอยครึ่งเอาไว้ พับริมขวาเข้ามาจรดรอยกึ่งกลางที่ทำไว้ ด้านซ้ายพับออกไปให้จรดกึ่งกลางเช่นกัน แล้วพับทบเข้าหากัน ทำเช่นนี้จนหมดใบตอง แล้วทับเอาไว้
3.ปั้นไส้ถั่วกวนเป็นลูกกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1 ½ ซม. วางเรียงไว้
4.ทำน้ำเชื่อม น้ำตาลทราย 2 ถ้วย น้ำลอยดอกมะลิสด 2 ถ้วย ตั้งไฟพอละลายแล้วกรอง ตั้งไฟเคี่ยวไปอีก 5 นาที ยกลง
4.ตวงแป้งถั่วเขียว 1 ส่วน น้ำลอยดอกมะลิ 4 ส่วน ผสมลงในกะทะทอง
คนให้เข้ากัน กรองใส่ลงในกะทะทองใส่น้ำเชื่อมที่ทำไว้ลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง ยกขึ้นตั้งบนเตา กวนจนแป้งสุพใสยกลง ตักใส่ชามที่เตรียมไว้
5.นำใบตองที่พับไว้มาเปิดออก ตักแป้งใส่ 1 ช้อนชา แล้วใส่ถั่วที่ปั้น
ไว้เป็นไส้ 1 ลูก แล้วตักแป้งใส่อีก 1 ช้อนชา (หรือตักทีเดียว 2-3 ช้อนชา แล้วกดไส้ถั่วให้จมลงไป) แล้วพับริมด้านใกล้ตัวเข้า แล้วพับริมห่อเข้ามาทั้ง 2 ข้าง ให้ตรงกัน พับชายเก็บ ต้องกดให้แน่นจึงจะวางได้สวย ห่อเช่นนี้จนหมดไส้และแป้งที่ทำไว้

ขนมจีบไทย



ส่วนผสม
1.แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
2.แป้งข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ
3.แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
4.แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำ 2 ถ้วย
7.แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
8.แป้งมัน 1/2 ถ้วย

ส่วนผสม ไส้ขนมจีบ
1.เนื้อไก่สับละเอียด 250 กรัม
2.หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/2 ถ้วย
3.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
5.รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำแป้ง
1.ผสมแป้งทั้งหมดเขาด้วยกัน ใส่น้ำมัน น้ำคนให้เข้ากัน
2.นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟ กวนพอสุกยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นสักครู่แล้วนวดเป็นเนื้อเดียวกัน แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็กเท่าหัวแม่มือ
3.แผ่แป้งให้มีลักษณะกลม บางพอสมควร ทำแป้งให้เป็นเบ้า ใส่ไส้ลงไปจีบรอบ เหมือนจีบผ้าแล้วรวบปลายเข้าหากัน ทำเป็นก้านเล็กน้อย นึ่งในลังถึง รองด้วยใบตอง น้ำเดือดพล่าน 3นาที ยกลงโรยด้วยกระเทียมเจียว

วิธีทำไส้
1.ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่ไก่ลงผัด ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทยที่โขลกไว้แล้ว ผัดให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปเป็นไส้ขนม
2.รับประทานกับผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนู โรยหน้าขนมด้วยกระเทียมเจียว

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมสำปันนี


ส่วนผสม
แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง
แป้งมันคั่วสุก 1/4 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ผสมหัวกะทิกับน้ำตาลทราย ใส่ลงในกระทะทองตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้น้ำตาลละลายเข้ากับกะทิ แล้วยกลง
2.ใส่แป้งสาลีลงในกะทิเคี่ยวตั้งไฟอ่อนๆ กวนให้แป้งสุกและกะทิแห้งขนมจับตัวเป็นก้อนล่อนออกจากกระทะ ยกลงจากเตา ใช้พายคนให้คลายร้อน
3.ตักขนมอัดลงในพิมพ์ที่โรยด้วยแป้งมันไว้ก่อนแล้ว จึงเคาะขนมจากพิมพ์ใส่ถาด

ขนมกลมกลืน



ส่วนผสม
แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกไม้ 5 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ผสมแป้งถั่วเขียวกับน้ำตาลทราย ให้เข้ากันใส่ลงในกระทะทองคนให้เข้ากันใส่น้ำลอยดอกไม้ คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนแป้งสุกใส
2.หยอดขนมลงในพิมพ์หรือถ้วยตะไล
3.ผสมหัวกะทิแป้งข้าวเจ้าลงในกระทะทอง กวนด้วยไฟอ่อนๆ ใส่เกลือ คนจนแป้งสุกและกะทิข้น หยอดหัวกะทิลงบนตัวขนม จัดใส่ภาชนะ

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมกรวย



ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง, แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปึก 3/4 ถ้วยตวง, น้ำ 1 1/2 ถ้วยตวง, หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง, แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ผสม แป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียวให้เข้ากันเติมน้ำทีละน้อย นวดให้เข้ากันแล้วเติมน้ำตาลปึกลงไปแล้วนวดต่อ จนน้ำตาลและแป้งเข้ากันดีแล้วเติมน้ำลงไปให้หมดคนให้เข้ากัน
2.ใส่แป้งข้าวเจ้าเกลือป่นลงไปในหัวกะทิ คนให้เข้ากัน
3.หยอดส่วนผสมข้อ 1 ลงในกรวยใบตองที่เตรียมไว้ แล้วหยอดส่วนผสมข้อ 2 ลงไปประมาณ 3/4 ของกรวย
4.เสียบกรวยลงในรูของรังถึง โดยเว้นที่ไว้ให้มีช่องว่างให้ไอน้ำขึ้นด้วยนึ่งในน้ำเดือดให้แป้งสุกแล้ว พักไว้ให้เย็นจึงจัดใส่ภาชนะ

ขนมหม้อตาล






สูตรขนมหม้อตาลสูตรที่ 1
ส่วนผสม
เครื่องปรุง ตัวขนมหม้อตาล
1.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
2.น้ำมันหมูหรือน้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
3.ไข่แดง 2 ฟอง
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำ 2-4 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุง น้ำตาล
1.น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วยตวง
2.น้ำกลิ่นกุหลาบ 1-2 หยด
3.สีชมพู เขียว เหลือง สีใดสีหนึ่ง (สีสำหรับใส่อาหาร) 1-2 หยด
4.น้ำเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
5.พิมพ์หม้อตาล
วิธีการทำ
นวดแป้ง น้ำมัน ไข่แดง เกลือ และน้ำด้วยกัน ปริมาณน้ำ อาจจะแตกต่างกันไปตามชนิดของแป้งที่ใช้ ขอให้นวด แป้งให้นิ่มพอปั้นได้ ถ้าแป้งแห้งเพิ่มน้ำได้อีก พักแป้งที่ นวดไว้ 15 นาที ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมไว้ เพื่อกัน แป้งแห้ง
2.แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็ก ๆ กะให้พอดีกับพิมพ์ แล้วกดลงใน พิมพ์ให้เป็นรูปหม้อตาล หรือจะปั้นเป็นรูปพานหรือตัว สัตว์ เช่น เต่า นก ที่มี หลังเป็นหลุม ที่จะใส่น้ำตาลได้
3.นำเข้าอบที่ 350 องศาฟาเรนไฮท์ จนสุกแห้งและแป้ง เหลืองนวล จึงนึ่งไว้ให้เย็นสนิท
4.ตวงน้ำตาลไอซิ่งใส่ชามผสม หยดน้ำกลิ่นกุหลาบ และสีที่ ต้องการ เติมน้ำเย็นทีละ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้พายไม้คนแรง ๆ ให้เข้ากัน ถ้าน้ำตาลยังแห้งอยู่ก็ค่อย ๆ เติมน้ำลงทีละน้อย จนน้ำตาลเหลวพอที่จะหยอดได้ ไม่ควรให้เหลวมาก เพราะจะไม่แห้งตามต้องการ
5.ตักน้ำตาลที่เตรียมไว้หยอดลงในหม้อที่อบ และพักไว้จน เย็นแล้ว ให้นูนงาม พักไว้จนน้ำตาลแข็งตัวจึงเก็บ
สูตรขนมหม้อตาลสูตรที่ 2
ส่วนผสม ตัวขนมหม้อตาล
1. แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
2. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
3. ไข่แดง 2 ฟอง
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. น้ำ 2-4 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม น้ำตาล
6. น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วยตวง
7. น้ำกลิ่นกุหลาบ 1-2 หยด
8. สีชมพู เขียว เหลือง สีใดสีหนึ่ง (สีสำหรับใส่อาหาร) 1-2 หยด
9. น้ำเย็น 1-2 ช้อนโต๊ะ
10. พิมพ์หม้อตาล
วิธีการทำ
1. นวดแป้ง น้ำมัน ไข่แดง เกลือ และน้ำด้วยกัน ปริมาณน้ำ อาจจะแตกต่างกันไปตามชนิดของแป้งที่ใช้ ขอให้นวด แป้งให้นิ่มพอปั้นได้ ถ้าแป้งแห้งเพิ่มน้ำได้อีก พักแป้งที่ นวดไว้ 15 นาที ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมไว้ เพื่อกัน แป้งแห้ง
2. แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็ก ๆ กะให้พอดีกับพิมพ์ แล้วกดลงใน พิมพ์ให้เป็นรูปหม้อตาล หรือจะปั้นเป็นรูปพาน หรือตัว สัตว์ เช่น เต่า นก ที่มี หลังเป็นหลุม ที่จะใส่น้ำตาลได้
3. นำเข้าอบที่ 350 องศาฟาเรนไฮท์ จนสุกแห้งและแป้ง เหลืองนวล จึงนึ่งไว้ให้เย็นสนิท
4. ตวงน้ำตาลไอซิ่งใส่ชามผสม หยดน้ำกลิ่นกุหลาบ และสีที่ ต้องการ เติมน้ำเย็นทีละ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้พายไม้ คนแรง ๆ ให้เข้ากัน ถ้าน้ำตาลยังแห้งอยู่ก็ค่อย ๆ เติมน้ำลงทีละน้อย จนน้ำตาลเหลวพอที่จะหยอดได้ ไม่ควรให้เหลวมาก เพราะจะไม่แห้งตามต้องการ
5. ตักน้ำตาลที่เตรียมไว้หยอดลงในหม้อที่อบ และพักไว้จน เย็นแล้ว ให้นูนงาม พักไว้จนน้ำตาลแข็งตัวจึงเก็บใส่กล่อง

ขนมเหนียว


ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำลอยบดอกมะลิ 10 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวทึนทึก 2 ถ้วย
น้ำเชื่อม
น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
ข้าวคั่ว
ข้าวสุกตากแห้ง 1 1/2 ถ้วย
น้ำมัน 1 ถ้วย

วิธีทำ
1.ขูดมะพร้าวทึนทึกให้เป็นเส้น แล้วนำไปนึ่ง 10 นาที
2.ผสมแป้งข้าวเหนียวกับแป้งมัน ค่อยๆใส่น้ำลอยดอกมะลิ นวด โดยใส่ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ
นวดให้เข้ากัน 2 นาที แล้วใส่อีก 1 ช้อนโต๊ะทำจนน้ำหมด
3.ใส่น้ำในหม้อตั้งไฟให้เดือด
4.ปั้นเป็นแท่งยาว 1 นิ้ว หนาครึ่งกระเบียดนิ้ว นำไปต้มให้สุก แป้งจะลอยขึ้น ตักวางบน
มะพร้าวที่ขูดเคล้าให้ทั่ว
5.ทำน้ำเชื่อมโดยการผสมน้ำตาล กับน้ำตั้งไฟให้ละลาย เคี่ยวจนเหนียวโดยไม่ต้องคน
ใช้ไฟปานกลาง เมื่อเหนียวใส่น้ำมะนาว ยกลงคนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น
6.ตั้งน้ำมันในกะทะให้ร้อน นำข้าวสุกตากแห้งลงทอดทีละน้อย ให้พองฟู เหลือง
ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน

ลักษณะที่ดี
1.แป้งมีความเหนียวนุ่ม มะพร้าวอ่อนนุ่ม
2.หอม
3.น้ำเชื่อมไม่ตกทราย มีความเหนียว
4.ข้าวกรอบสีเสมอกัน


เคล็ดที่ไม่ลับ
1.การนวดแป้งอย่าใส่น้ำเร็วไปจะทำให้แป้งเละไม่เหนียว
2.มะพร้าวต้องไม่แก่ ถ้ามะพร้าวแก่จะไม่อร่อย
3.การปั้นอย่าให้ตัวแบนจะไม่เหนียว
4.เคี่ยวน้ำเชื่อมต้องไม่คน ถ้าคนตลอดเวลาจะทำให้ตกทรายได้ง่าย
5.น้ำเชื่อมต้องเหนียวไม่ใส เวลาเคี่ยวใช้พายยกขึ้นดู ถ้าได้ที่จะไหลเป็นสายช้าๆ อย่าให้ข้นบนเตา เพราะเมื่อเย็นจะแข็งตัวอีก
6.การต้มแป้ง เมื่อแป้งลอยรีบตักขึ้น แล้วคลุกมะพร้าวทันที อย่าต้มแป้งนานจะทำให้เปื่อย

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนม ช่อม่วง


เครื่องปรุง
แปงข้าวเจ้า 2 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วย
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
ดอกอัญชัญ 8-10 ดอก

วิธีทำ
แร่งแป้ง 2 ครั้ง ใส่น้ำลอยดอกมะลิทีละน้อย(ถ้าทำไส้คาวไม่ต้องใช้น้ำลอยดอกมะลิ ให้ใช้น้ำเปล่าแทน) นวดไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที พอเข้ากันดีจึงใส่น้ำที่เหลือลงทั้งหมด กรองด้วยผ้าขาวบางเทลงในกะทะทองเหลือง
จากนั้นยกขึ้นตั้งไฟกลาง กวนจนแป้งสุกแห้งดีและล่อนจากกะทะเป็นกลมๆ จึงตักใส่อ่างผสมที่จะนวดพออุ่นจึงนวดให้เหนียวนุ่มประมาณ 5-10 นาที เมื่อแป้งเป็นลูกกลมๆเท่าๆกัน เพื่อจะได้ขนมอันเท่าๆกัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1 1/2 แล้วแผ่แป้งออกให้เป็นรูปกรวยใส่ใส้แล้วปั้นทบครึ่งให้ริมทับกัน บีบแป้งให้ติดสนิท
ใช้แหนบที่ทำขนมจีบ ครีบริมให้เป็นรอยหยักๆ ระบายพลิ้วขึ้น พลิ้วลงเรียงในลังถึง ที่ปูด้วยใบตองใบตองไว้แล้ว พรมน้ำให้ทั่วก่อนนำไปนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งในน้ำเดือด 3 นาที ยกลงพรมด้วยกะทิ จัดลงจาน
ไส้เค็ม ไส้กุ้ง
กุ้งชีแฮ้สับ 200 กรัม ราว 1/2 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วย
หัวหอมหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1-1 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 10 เม็ด
เกลือป่น 1-1 1/2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 4-6 กลีบ
รากผักชี 2-3 ราก
สีแสดใส่ขนม 1-2 หยด


วิธีทำ
ล้างกุ้งปอกเปลือกสับละเอียด แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งนำมาเคล้ากับรากผักชี พริกไทย กระเทียม (ใช้เพียงครึ่งส่วน) มะพร้าวขูดขาวใส่สีแสดนิดหน่อยแทนมันกุ้งแล้วจึงนำไปผสมกับกุ้งที่เคล้ารากผักชี พริกไทย กระเทียม
ส่วนรากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกอีกครึ่งส่วนนำไปเจียวให้หอม แล้วจึงใส่กุ้งอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ใส่เกลือ ใส่น้ำตาลทราย ชิมรสดู โรยผักชีนิดหน่อย

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมหัวเราะ




ส่วนผสม
1.แป้งเค้กร่อนแล้ว 4 ถ้วย, ไข่ไก่ 2+1/2 ฟอง, น้ำตาลทราย 1 ถ้วย, เกลือป่น 2 ช้อนชา,ผงฟู 1+1/2 ช้อนโต๊ะ, น้ำ 1/4 ถ้วย
2.น้ำมันหมูเจียวใหม่ ๆ 2 ช้อนโต๊ะ, งาขาวคั่วแล้วสำหรับคลุก, ไม้ปลายแหลมด้ามยาวใช้เวลาทอด, น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ1.ร่อนแป้ง เกลือ และ ผงฟู เข้าด้วยกัน
2.ต่อยไข่ใส่อ่างผสม ตีไข่ให้ขึ้นฟู ค่อยๆ ใส่น้ำตาลครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ จนหมด
3.ตีจนส่วนผสมขึ้นฟูขาว จึงเติมแป้งสลับกับน้ำและน้ำมัน ผสมจนเป็นก้อน แบ่งแป้งออกเป็นก้อน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 นิ้ว
4.ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใช้ไฟอ่อน พอน้ำมันร้อน นำแป้งที่ปั้นแล้วมาคลุกกับงาจนทั่ว นำลงทอด
5.ใช้ไม้ปลายแหลมคนกลับไปกลับมา ขนมจะฟูแตกออก แล้วใช้ปลายไม้จิ้มตรงกลางขนม ถ้าไม่ติดไม้ ก็ ใช้ได้

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมเรไร


เครื่องปรุง
แป้งข้าวเจ้าอย่างดี 1 ถ้วยตวง
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำดอกไม้ 3/4 ถ้วยตวง
หัวกะทิกรองแล้ว 1/2 ถ้วยตวง
มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นละเอียด 1/3 ถ้วยตวง
รากถั่วบุบพอแตก 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
สีจากธรรมชาติ
สีฟ้า คั้นจากกลีบดอกอัญชัน
สีเหลือง ต้มกลีบดอกคำฝอย
สีม่วง คั้นจากลูกผักปรังสุก
วิธีทำ
1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกันในกระทะทอง เติมน้ำทีละน้อยนวดนาน ๆ เพื่อให้แป้งเหนียว อย่างน้อย 20 นาที แล้วจึงเติมน้ำส่วนที่เหลือจนหมด ยกขึ้นตั้งไฟกวนไปจนแป้งสุกจับตัวกันเป็นก้อน ล่อนจากกระทะ จึงยกกระทะลง พักไว้ให้เย็น นวดต่อให้แป้งเนียน แล้วแบ่งออกเป็นก้อนเล็ก ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 1/2 เซนติเมตร เอาผ้าชุบน้ำคลุมไว้กันแห้ง
2. นำแป้งแต่ละก้อนมาวางในเครื่องปั้นเส้น บีบออกมาทีละก้อนให้เป็นเส้นเล็ก ๆ เขี่ยขึ้นวางในรังถึง ปุด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำบนไฟแรงจนสุก ประมาณ 3-4 นาที ชโลมด้วยหัวกะทิ แซะขึ้นใส่จานไว้
3. ผสมงาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือเข้าด้วยกัน
4. เส้นขนมกับงาผสมน้ำตาลและมะพร้าวขูดละเอียด (มะพร้าวควรนึ่งเสียก่อน ถ้ายังไม่เสิร์ฟทันที) ถ้าต้องการสีต่าง ๆ ให้ผสมน้ำสีจากธรรมชาติในส่วนผสมน้ำที่ใช้นวดแป้งและทำส่วนละสี
ที่มา : ตำรับอาหารจากพืชผักและไม้ผล โดยกลุ่มงานส่งเสริมการมีงานทำ สนง.จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

แนวทางในการเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
คำอธิบายรายวิชาการเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ 2
จัดให้มีกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพในด้านการรับรู้ลักษณะและโอกาสของการประกอบอาชีพ การพัฒนาตัวผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ แรงจูงใจ และคุณลักษณะที่เหมาะสมกับวิชาชีพ โดยการกระทำในสถานการณ์หรือรูปแบบต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานในวิชาชีพนั้นๆ
แนวทางในการเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
1. เตรียมการและปฐมนิเทศนักศึกษาก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ให้ไปศึกษาและสังเกตสถานประกอบการ
2. ศึกษาดูงานในโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ ในลักษณะ
-ดู -สัมภาษณ์
-ฟัง -สังเกต
-ซักถาม
ในเรื่องต่อไปนี้
-สภาพทั่วไปของสถานประกอบการณ์หรือโรงงาน
-การปฏิบัติงานในสถานประกอบการณ์หรือโรงงาน
-การบริหารและบริการของสถานประกอบการหรือโรงงาน
-ศึกษาการปฏิบัติงานในสถานประกอบโรงงานหรือโรงงาน
-ภารกิจของสถานประกอบการ
-พฤติการณ์ของพนักงาน ฯลฯ
3. เชิญวิทยากรจากสถานประกอบการณ์หรือโรงงานมาให้ความรู้เกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติงาน
4.สร้างสถานการณ์จำลองเพื่อฝึกในการแก้ปัญหาการปฏิบัติงาน เช่น
-กรณีศึกษา
-วิเคราะห์จากสถานการณ์จำลอง เช่น V.D.O.

5. จัดประสบการณ์เสริมในด้านที่นักศึกษายังขาด เช่น
-ความรู้เกี่ยวกับงานที่จะฝึก
-เทคนิควิธีในการปฏิบัติงาน
-คุณลักษณะอื่นๆ เช่น คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ความตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ การอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ฯลฯ
6. ควรมี V.D.O. เกี่ยวกับงานที่เกี่ยวข้องให้นักศึกษา


ข้อแนะนำในการเขียนรายงานการฝึกงาน
รายงานการฝึกงาน ควรประกอบด้วย
1. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสถานที่ฝึกงาน ได้แก่
1.1 ชื่อ ที่ตั้ง และประวัติความเป็นมาโดยย่อ พร้อมนโยบายหรือเป้าหมายของการดำเนินงานหรือประกอบการ
1.2 ลักษณะวิธีการดำเนินงานหรือการประกอบการ เช่น เป็นหน่วยผลิต หรือหน่วยบริการ ใช้ปัจจัยใดเพื่อการผลิตปริมาณการผลิตเป็นเท่าใด แลพอย่างไร
1.3 ระบบการบริหารและอัตรากำลัง โดยแสดงแผนผังการแบ่งสายงาน Organization Chart หน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานย่อยแต่ละหน่วยงาน และให้แสดงข้อคิดเห็นว่าเหมาะสมหรือไม่
1.4 เขียนแผนผัง (Lay – Out) ของสถานที่ฝึกงาน แสดงบริเวณ และที่ตั้งของหน่วยงานย่อยที่ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ
2. ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการฝึกงานของนักศึกษา ได้แก่
2.1 หน่วยงานย่อยที่นักศึกษา ได้รับมอบหมายให้ประจำการ
2.2 หน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานย่อย
2.3 หน้าที่รับผิดชอบของนักศึกษา โดยระบุขอบข่ายงาน และกิจการต่าง ๆ ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
2.4 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ต้องเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่
2.5 เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการประกอบหน้าที่ โดยบรรยายสภาพ Input Output กำลังการผลิตปัญหาเครื่อง และเปรียบเทียบกับเครื่องอื่น (ที่รู้)
2.6 นโยบายและวิธีการดำเนินงานของหน่วยงานย่อย เช่น มาตรการควบคุมความปลอดภัย Safety Measures การควบคุมคุณภาพ Quality Control นโยบายการบำรุงรักษา Main tanance Policy การรายงานผลการปฏิบัติงาน
2.7 ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานตามหน้าที่รับผิดชอบโดยเน้นที่ เป็นผลให้การปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ เช่น การประสานงาน การจ่ายงาน การติดตามงาน ความล้าสมัยของเครื่องจักร อุปกรณ์ คุณภาพของผลผลิต
3. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
3.1 ประสบการณ์ด้านวิชาชีพในเชิงปฏิบัติที่คิดว่าได้รับ
3.2 ความสำคัญของมนุษยสัมพันธ์ในการปฏิบัติงาน
3.3 แนวทางแก้หรือผ่อนคลายปัญหาและอุปสรรคที่พบเห็นตามข้อ 2.7
3.4 ความสมดุลในการฝึกงาน สภาพงาน สภาพแวดล้อม